Custom Search

Tuesday, January 13, 2009

แว่นตาเกม 3D ทะลุจอ

หากพูดถึง NVIDIA สำหรับคอเกมส์คงคุ้นเคยกับการ์ดแสดงผลกราฟิกไฮเอ็นด์อย่าง GeForce กันเป็นอย่างดี ซึ่งในงาน CES 2009 ทางบริษัทได้แสดงนวตกรรมที่พัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง โดยเป็นอุปกรณ์เสริมที่เพิ่มความสมจริงให้กับการเล่นเกมส์มากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ แว่นตา3D ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในเกมมีมิติทะลุออกมานอกจอได้อย่างนุ่มนวลกว่าเดิม

GeForce 3D Vision...
GeForce 3D Vision แว่นตาไฮเทคฯจาก NVIDIA ที่คุณผู้อ่านเห็นในรูปข้างบนนี้ แม้จะดูขอบหนาไปสักหน่อย(เนื่องจากมีวงจรที่สามารถสอดคล้องกับค่าคอนฟิกการแสดงผลเกมส์ที่เล่น เช่นระดับความลึกของมิติในเกมส์ เป็นต้น)แต่มันก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากนัก เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การมองเห็นภาพ3Dจากเกมส์มีความนุ่มนวลมากกว่าระบบทั่วไป ทำให้เล่นได้นานโดยไม่เกิดอาการล้าทางสายตา หรือปวดหัวเหมือนระบบทั่วไป ฟังดูดีอย่างนี้คงต้องหาโอกาสพิสูจน์ซะแล้ว ว่าแต่ราคาจอแสดงผลที่เข้ากันได้(แสดงผลที่ 120 Hz)กับแว่นตาดูท่าทางค่อนข้างสูงทีเดียว โดยสองอย่างรวมกันจะอยู่ที่ประมาณ 679 เหรียญฯ หรือคิดเป็นเงินไทยก็สัก 22,500 บาทครับ...อุ๊ปส์



แนะนำโดย wowgadget.tv

เตรียมพบกับ GeForce 100M GPU ใน notebook

เมื่อวานนี้ทาง nVidia บริษัทผู้ผลิตชิปแสดงผลกราฟิกชั้นนำของโลกได้เปิดตัวชิปกราฟิก GeForce 100M รุ่นใหม่ สำหรับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในตลาดระดับกลางสามรุ่น คือ GeForce G105M, GeForce G110M และ GeForce GT 130M


โดยทาง nVidia อ้างว่า ชิปกราฟิก GeForce 100M ทั้งสามตัวนี้จะเป็นตัวที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นจากชิปกราฟิกที่ทำตลาดอยู่ในขณะนี้ กล่าวคือ

  • GeForce G105M จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก GeForce 9200M GE ประมาณ 55%

  • GeForce G110M จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก GeForce 9300M GS ประมาณ 33%

  • GeForce GT 130M จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก GeForce 9600M GT ประมาณ 17%


ชิปกราฟิกทั้งสามตัวนี้คาดว่าจะออกสู่ตลาดช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ครับ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าชิปทั้งสามตัวนี้น่าที่จะเป็นการนำ GeForce 9 Series มาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่เป็นชิปในตระกูล GeForce GTX200 รุ่นใหม่แต่อย่างใด



Source nVidia via Laptoping

แหล่งข่าว blogaraidee.com



AMD ส่ง Mobility Radeon HD4000 ลงสู่โน๊ตบุ๊ค

AMD เตรียมส่งชิปกราฟิกรุ่นใหม่ Mobility Radeon HD4000 series ใหม่ล่าสุดลงสู่ตลาดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแล้ว โดยทาง AMD กล่าวว่าจะเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพเกือบ 2 เท่าของชิปกราฟิกในรุ่นที่ผ่านมา (HD3000 series)

โดยชิปกราฟิกที่จะออกสู่ตลาดจะแบ่งออกเป็น 4 รุ่นคือ HD 4800 สำหรับรุ่น high-end, HD 4600 สำหรับรุ่นตลาดระดับกลาง และ HD 4500 กับ HD 4300 สำหรับตลาดระดับล่าง

ชิปกราฟิกในตระกูล Radeon HD4000 นั้นรองรับ DirectX 10.1 และเทคโนโลยี Unified Video Decoder 2 ที่ช่วยให้สามารถชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p ได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น HD4000 ยังเป็นชิปกราฟิกตัวแรกของโน๊ตบุ๊คที่รองรับการชมภาพยนตร์ความละเอียดสูงพร้อมเสียงแบบ 7.1 channel ผ่านพอร์ต HDMI และ DisplayPort Audio

สำหรับในด้านการประหยัดพลังงาน HD4000 มาำพร้อมกับเทคโนโลยี ATI PowerPlay, ATI PowerXpress, และ ATI Switchable Graphics ซึ่งจะช่วยควบคุมปริมาณการใช้ไฟให้เหมาะสม เพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่

Mobility Radeon HD4000 คาดว่าจะลงมาทำตลาดในช่วงสามเดือนแรกของปี 2552 นี้ครับ

Source Laptoping

แหล่งข่าว blogaraidee.com


ที่ชาร์ตพลังงานแสงอาทิตย์สารพัดประโยชน์แบบพกพา

ชาร์ตอุปกรณ์สารพัดกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ ที่สามารถจ่ายไฟ 24V, 22V, 16V@4A และ 5V@500mA พกพาง่าย สะดวกใช้

คุณสามารถชาร์ตโน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ พีดีเอ เครื่องเล่น MP3, MP4, PSP และอุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับการชาร์ตผ่าน USB เลือกอะแด็บเตอร์ได้ตามสะดวก สามารถชาร์ตผ่านแสงอาทิตย์ หรือต่อไฟฟ้าโดยตรง พร้อมไฟแอลอีดีแสดงสถานะการทำงาน เหมาะสำหรับทุกสถานการณ์ ทั้งการพกติดตัว การเดินทางธุรกิง ท่องเที่ยว พร้อมคุณสมบัติการสร้างคลื่นเพื่อไล่ยุงได้อีกด้วย

Specifications:...
Specifications:
- Output (v): USB 24v, 22v, 19v, 16v, 5v
- Output (A): 4A (24v, 22v, 19v, 16v), 500mA (USB 5v)
- Capacity: 3.7v @ 20,000mAh (74W/h)
- Input (v): 18v or by solar
- Ultrasonic mosquito repeller speaker: 40 ~ 80000Hz - Auto frequency conversion
- Electric Eye Dimension: 235mm x 145mm (B-S)
- Peak Power Supplied by Photocell: 4W (B-S)
- Circuit Protection: Over charge/discharge protection, shot circuit protection, heat protection
- Service lifetime: The built-in battery can be full discharged and full recharged not less than 500 times and the storage of it is not less than 75%
- Dimension: 280 x 200 x 16mm (approx.)
- Weight: 816g

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://usb.brando.com.hk/prod_detail.php?prod_id=00770

แนะนำโดย computerchiangmai.com

Palm Nova

Palm Nova นั้นได้ชื่อจริงแล้วคือ Palm webOS แต่รายละเอียดยังออกมาไม่เยอะนักเมื่อเทียบกับ Palm Pre
  • Engadget ได้ข้อมูลมาว่า ฐานล่างเป็นลินุกซ์

  • แอพพลิเคชันเขียนด้วย HTML/CSS/JavaScript (ถึงได้ชื่อ webOS) ยังไม่มีข้อมูลของ SDK

  • ยังขาดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น การสนับสนุนเกม 3 มิติ

  • ตอนนี้ยังไม่น่าจะใช้แอพพลิเคชันของ Palm OS รุ่นก่อนๆ ได้

  • ฟีเจอร์ที่มีแน่ๆ ในตัว webOS

    • สมุดที่อยู่, อีเมล, IM, ปฏิทิน, Task, เครื่องคิดเลข

    • โปรแกรมดูรูปภาพ ดูหนัง ฟังเพลง

    • แผนที่

    • เว็บเบราว์เซอร์ (มีรายงานว่าเป็น WebKit)



  • Palm บอกว่าจะมี App Store ตามมาแน่นอน

สำหรับส่วน...


สำหรับส่วนของการติดต่อสื่อสาร (สมุดที่อยู่, เมล, IM, ปฏิทิน) webOS จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Synergy ซึ่งออกมาเพื่อแก้ปัญหาคนที่มีหลายอีเมล+สมุดที่อยู่ (ที่โชว์มี 3 อันคือ Outlook, Gmail, Facebook) หลาย IM และหลายปฏิทิน (Outlook, Google Calendar) โดยเราล็อกอินทีเดียว แล้ว webOS จะแสดงข้อมูลรวมทั้งหมด พร้อมทั้งจัดการข้อมูลที่ซ้ำกันระหว่างแต่ละบัญชีให้อัตโนมัติ



วิธีการสลับหน้าจอของแต่ละโปรแกรม Palm webOS จะใช้ลักษณะคล้ายๆ กับ Safari ใน iPhone (แต่ใช้กับทุกโปรแกรม ไม่ใช่เฉพาะเบราว์เซอร์) โดยเรียกว่า card แทน window และใช้วิธีเลื่อน (flip) ซ้ายขวาแทน สามารถสัมผัสตรง gesture area ได้ ไม่ต้องกดตรงหน้าจอโดยตรง

เท่าที่ผมดูในวิดีโอของ Engadget ความเร็วในการสลับหน้าจอนับว่าลื่นมากทีเดียว ทางสต๊าฟของ Palm อธิบายว่าสามารถเปิดโปรแกรมได้ไม่จำกัดจำนวนตราบเท่าที่หน่วยความจำมีพอ

เว็บเบราว์เซอร์ก็ซูมหน้าจอได้ พลิกมาอ่านในแนวนอนได้ (ถ้าดูในวิดีโอตามลิงก์เมื่อกี้ ตอนพลิกไปแนวนอนก็ตอบสนองเร็วมาก)

ฟีเจอร์อื่นๆ ได้แก่พวกมัลติมีเดีย และแผนที่นำทางด้วย GPS


อย่างสุดท้ายคือมีระบบแจ้งเตือนหรือ notification ด้านล่างของหน้าจอ คล้ายๆ กับของ Android ซึ่งทาง Palm บอกว่าโปรแกรมภายนอกอื่นๆ ก็สามารถใช้ด้วยได้

รายละเอียดของ Palm Pre อย่างเป็นทางการ ขึ้นบนเว็บไซต์ของ Palm หมดแล้ว รายละเอียดอื่นๆ ดูได้จากหน้ารวมลิงก์เรื่อง Palm Pre ของ Engadget, ZDNet

คำถามสุดท้าย: ออกเมื่อไร ราคาเท่าไร

ในสหรัฐ Palm Pre จะใช้เครือข่าย 3G EVDO ของ Sprint ซึ่งไม่ใช่ระบบ GSM (แต่ทาง Palm ยืนยันว่าจะมีรุ่นสำหรับ GSM/HSDPA แน่นอน) วางจำหน่ายภายในครึ่งแรกของปี 2009 ราคายังไม่ระบุ

ปิดท้ายด้วยข่าวหุ้นของ PALM ขึ้นไป 35% (Engadget, ราคาหุ้นปัจจุบัน)

ข้อมูลจาก Blognone


Palm Pre

ปาล์มส่ง Palm Pre สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดมาโชว์ตัวในมหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค Consumer Electronics Show ตามคาด โดย Pre จะวางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ Sprint 3G Network ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้

เป็นไปตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ ปาล์มหวังใช้จุดแข็งเรื่องเทคโนโลยีมัลติทัชสกรีนของไอโฟน (iPhone) และแผงคีย์บอร์ดเต็มยศใช้งานง่ายของแบล็กเบอร์รี่ (BlackBerry) มาผนวกเข้าด้วยกันบนสินค้าใหม่ของตัวเอง ดึงระบบปฏิบัติการใหม่นาม Palm Web OS เชื่อมต่อโลกความบันเทิงและโลกธุรกิจ เพื่อต่อลมหายใจให้ปาล์มอยู่รอดในสมรภูมิสมาร์ทโฟนสุดดุนี้ได้ต่อไป

สรุปคือ ...
สรุปคือ Pre เป็นโทรศัพท์มือถือมัลติทัชสกรีนที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสหน้าจอได้พร้อมกันหลายจุด มาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์แนวตั้ง โดยปาล์มนำเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวหรือเทคโนโลยี accelerometer มาอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถสั่งการเครื่องได้โดยการเขย่าหรือหมุนเครื่อง เพียบพร้อมด้วยระบบเชื่อมต่อไวร์เลส, จีพีเอส, บลูทูธ 2.1

หน่วยความจำภายใน 8GB หน้าจอมีขนาด 3.1 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล ด้านล่างของหน้าจอจะมีแถบที่เรียกว่า "Gesture Area" ใช้ในการเปิดแอปพลิเคชันต่างๆภายในเครื่อง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบแอลอีดี ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และสามารถเชื่อมต่อความเร็วสูงกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ตยูเอสบี 2.0

เมื่อเทียบกับไอโฟนและคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟน รายงานระบุว่า Pre มีขนาดเล็กและเบากว่า โดยน้ำหนักของ Pre อยู่ที่ 4.8 ออนซ์เท่านั้น ยังไม่เปิดเผยกำหนดการวางตลาด Pre ที่แน่นอนในขณะนี้

สำหรับระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์ส Palm Web OS ที่ปาล์มเปิดตัวในงานนี้ จุดเด่นคือส่วนติดต่อผู้ใช้หรือ user interface ใหม่ซึ่งสร้างมาเพื่อให้ผู้ใช้เลือกตั้งค่าโปรแกรมจิ๋วสำหรับรันบนหน้าจอโทรศัพท์ที่เรียกกันว่าวิดเจ็ท (widget) ได้ง่ายดาย นอกจากนี้ ปาล์มยังการันตีว่า Palm Web OS จะทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากหลายแหล่งได้ผ่านแอปพลิเคชันเดียว เช่น ในแอปพลิเคชันอีเมล Pre จะมีแฟ้ม All Inboxes ซึ่งเป็นกล่องที่ผู้ใช้จะสามารถเช็คอีเมลทุกชื่อที่มีได้ในครั้งเดียว

งานนี้ปาล์มการันตีคุณสมบัติมากมายของโอเอสใหม่ หนึ่งในนั้นปาล์มบอกว่า หากผู้ใช้จะพิมพ์ชื่ออีเมลที่ต้องการส่ง Web OS จะค้นหาชื่ออีเมลทั้งจากบัญชีอีเมลส่วนตัวและเพื่อนร่วมงานที่เก็บไว้ในเครื่อง หากไม่พบ ระบบจะสืบค้นจากฐานข้อมูลประวัติการส่งข้อมูลในเครื่อง ก่อนจะเติมชื่ออีเมลให้เต็มโดยอัตโนมัติ

นอกจากโอเอส ปาล์มยังเปิดตัวที่ชาร์จไร้สายนาม Touchstone เป็นที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายซึ่งใช้เทคโนโลยีเหนี่ยวนำไฟฟ้า ใช้แม่เหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก ในเว็บไซต์ของปาล์มระบุว่า เพียงเสียบปลั้คไร้สาย แท่นชาร์จแม่เหล็กนี้จะเหนี่ยวนำไฟฟ้าเข้ามาในตัวโดยไม่ต้องมีสายไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ใช้สามารถวางโทรศัพท์เพื่อชาร์จไฟได้ทันที ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์หากเผลอไปสัมผัส

ปาล์มบอกว่าที่ชาร์จไร้สายนี้จะวางจำหน่ายแยกเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการจำหน่ายเช่นกัน

Company Related Links :
- Palm
จาก ผู้จัดการออนไลน์

Palm รุ่นใหม่มีชื่อว่า Palm Pre สเปกตามนี้
  • ซีพียู OMAP ของ TI (ยังไม่ทราบรายละเอียดรุ่น แต่โฆษณาว่า “Laptop like performance”)
  • จอสัมผัส 3.1 นิ้ว ความละเอียด 320x480

  • พื้นที่สัมผัสนั้นเลยไปถึงส่วนตัวเครื่องที่อยู่ด้านล่างของจอ ซึ่งเรียกว่า Gesture area

  • กล้อง 3MP พร้อมแฟลชแบบ LED

  • 3G EVDO Rev A, UMTS HSDPA, Wi-Fi 802.11b/g

  • พื้นที่เก็บข้อมูล 8GB (ผู้ใช้ใช้ได้ 7.4GB)

  • คีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์ลง

  • Bluetooth 2.1 + EDR with A2DP, MicroUSB, ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm มาตรฐาน

  • GPS ในตัว, Accelerometer

  • หนักประมาณ 135 กรัม

  • แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนเองได้, มีปุ่ม power (สองอันนี้พูดบนเวที Keynote ซัด iPhone เต็มๆ)

  • แท่นชาร์จแบบไร้สาย เรียกว่า Touchstone เป็นแม่เหล็ก (ขายแยกต่างหาก)

  • ถ้าใครอยากดูตัวเครื่องแบบหมุน ดูได้ที่นี่ (ไฟล์เป็น .mov)

  • รูป Pam Pre วางเทียบกับ iPhone โดย Engadget

  • รูปคีย์บอร์ดแบบชัดๆ จาก Engadget



แนะนำโดย Blognone


โซนี่เปิดตัว Sony Cyber-Shot DSC-G3 กล้อง Wi-Fi ตัวแรกของโลก !

ใครที่ชอบถ่ายรูปหรือวีดีโอแล้วอัพโหลดลง hi5, facebook, youtube หรือที่อื่นๆทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้กลับถึงบ้าน วันนี้ความฝันของคุณเป็นจริงแล้ว เพราะทาง โซนี่ ได้เปิดตัว กล้องดิจิตอล Sony Cyber-Shot DSC-G3 ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลตัวแรกของโลกที่มี Wi-Fi กับ เวป บราวเซอร์ built-in ทำให้คุณสามารถต่ออินเตอร์เนตได้จากจุด hot Spot ต่างๆ เพื่อทำการอัพโหลด หรือ ส่งรูปหรือวีดีโอที่คุณถ่ายสดๆร้อนๆให้เพื่อนๆของคุณได้ทันที โดยไม่ต้องรอกลับถึงบ้าน ส่วนความละเอียดของเจ้า Sony Cyber-Shot DSC-G3 ก็อยู่ที่ 10.1 ล้านพิกเซล, Optical Zoom 4x และ ระบบ face Detection สนนราคาก็แพงมากที่ $500 ดอลล่าร์ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 16,000 บาท

สำหรับคนไทยคงต้องรอกันไปอีกซักพักนึงนะครับ เพราะโซนี่เพิ่งเปิดตัวเจ้า Sony Cyber-Shot DSC-G3 ที่ อเมริกาเท่านั้น ส่วนในประเทศไทย คงต้องรอติดตามข่าวกันต่อไป

Source: engadget

แนะนำโดย thaigadgetnews.com


LightWedge LED Book light - อ่านได้ยามค่ำคืน

LightWedge LED Book light เป็นอุปกรณ์ให้แสงสว่างกับหน้าหนังสือที่คุณอ่านในยามค่ำคืนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีทำเป็นหลอดไฟพร้อมกระดูกงูสามารถดัดให้โค้งงอได้ โดยบุ๊กไลท์ตัวนี้ประกอบด้วยเลนส์อะคริลิคใสขนาดเท่าหน้าหนังสือพร้อม LED 2 หลอดที่ส่องแสงสว่างมาจากด้านข้างทำให้หน้าหนังสือที่เห็นชัดเจนและสว่างไปทั่วทั้งหน้า ทำงานด้วยแบตเตอรี่ AAA 4 ก้อนและใช้ได้นานต่อเนื่อง 40 ชั่วโมง โดยมีสองขนาดให้เลือกคือ เท่ากับหนังสือเล่มและนิตยสาร สนนราคาอยู่ระหว่าง 29.95 - 39.95 เหรียญฯ(ประมาณ 1,000-1,300บาท)



แนะนำโดย wowgadget.tv



Monday, January 12, 2009

คอปเตอร์สายลับ!!!

เฮลิคอปเตอร์วิทยุบังคับที่นำมาฝากกันนี้เป็นของบริษัท DigitTronics สามารถควบคุมได้ 4 แชนเนล(หน้า,หลัง,ซ้าย,ขวา)ออกแบบได้เหมือนโมเดลจำลองเฮลิคอปเตอร์มากๆ เวลาบินดูน่าเล่นสุดๆ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นของเล่นหรอกนะครับ คอปเตอร์ลำนี้สามารถบินได้สูงสุด 2,000 ฟุต (600 เมตร)และควบคุมได้ในระยะไกลสุด 1 ไมล์(ประมาณ 1.6 กิโลเมตร)นอกจากนี้ มันยังสามารถสตรีมมิ่งวิดีโอสัญญาณภาพกลับมายังโน้ตบุ๊กได้อีกด้วย บินได้นาน 20 นาทีต่อการชาร์จแต่ละครั้ง คุณสมบัติการทำงานของมันยังไม่หมดนะครับ เพราะมันมีระบบจับภาพในที่มึดด้วยอินฟราเรดอีกด้วย โห...อะไรจะขนาดนั้น ที่ผมงงมากๆ ก็คือ สนนราคาของมันเฉพาะในงาน CES แค่ 299 เหรียญฯ หรือประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น

แหล่งข้อมูล: dvice

แนะนำโดย wowgadget.tv


ดอกไม้อัจฉริยะ

EasyBloom ดอกไม้ไฮเทคฯที่เห็นนี้ แม้จะดูน่ารักแต่ความจริงมันเป็นเทคโนโลยีที่ฉลาดมากทีเดียว สำหรับใครที่ชอบจัดสวนดอกไม้ และตัดสินใจไม่ถูกว่า จะปลูกอะไรดี EasyBloom ช่วยได้ครับ เพียงแค่ นำมันไปปักลงบนพื้นดินที่ต้องการจัดสวน ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง เจ้าดอกไม้อัจฉริยะจะบันทึกข้อมูลภายใต้เงื่อนไขสภาวะแวดล้อมในบริเวณนั้นไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด คุณภาพของดิน ความชื้น ตลอดจนอุณหภูมิ นำ EasyBloom ต่อเชื่อมเข้ากับพอร์ตยูเอสบีของโน้ตบุ๊ก เพื่ออัพโหลดข้อมูลที่ได้เข้าไปยังเว็บไซต์ให้ทำการวิเคราะห์ และแจ้งให้ทราบได้ว่า ภายใต้เงื่อนไขสภาพแวดล้อมดังกล่าว มีต้นไม้อะไรที่น่าจะปลูกแล้วงอกงามได้บ้าง

แต่เดี๋ยวก่อน...
แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่จบแค่นี้นะครับ เพราะหลังจากที่คุณปลูกต้นไม้ได้ตามที่ต้องการแล้ว EasyBloom ยังช่วยตรวจสอบให้ทราบได้อีกด้วยว่า คุณรดน้ำมาก หรือน้อยเกินไป ตลอดจนช่วยแนะนำสิ่งที่คุณต้องทำ เพื่อแก้ปัญหาในกรณีที่ต้นไม้ของคุณไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร สนนราคาของมันอยู่ที่ 59.95 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,000 บาทครับ เอ้า...ใครที่อยากจัดสวนดอกไม้ให้สวยงาม ลองซื้อหามาใช้กันดูนะครับ


แหล่งข้อมูล: ohgizmo

แนะนำโดย wowgadget.tv



ไมโครซอฟท์เผย Tag: บาร์โค้ดสีสองมิติ

การใช้กล้องถ่ายรูปของโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อถ่ายบาร์โค้ดสองมิตินั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศเช่นญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ แต่สำหรับประเทศอื่นๆ แล้วยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าใดนัก

วันนี้ไมโครซอฟท์เผยบริการ Tag ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับอ่านบาร์โค้ดสามเหลี่ยมสี ที่เรียกว่า High Capacity Color Barcodes (HCCBs) ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยทีมวิจัยของไมโครซอฟท์ได้สักระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่บาร์โค้ดชนิดนี้แตกต่างจากบาร์โค้ดสองมิติทั่วๆ ไปก็คือมันเป็นสามเหลี่ยมที่มีสีแตกต่างกัน ซึ่งทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าสี่เหลี่ยมที่มีสองสี (ขาว, ดำ) ของบาร์โค้ดอื่นๆ

นอกจากนี้แล้ว...
นอกจากนี้แล้วอีกอย่างที่แตกต่างจากบาร์โค้ดสองมิติอื่นๆ คือการที่บาร์โค้ดของไมโครซอฟท์บรรจุเพียงหมายเลขอ้างอิง ซึ่งโทรศัพท์จะต้องเชื่อมต่อเข้าไปที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์เพื่อหาข้อมูลก่อนแปลความหมายอีกที ในขณะที่บาร์โค้ดทั่วไปมักจะมีข้อมูลอยู่ข้างในเลย

โปรแกรมดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้โดยการเข้าไปที่ http://gettag.mobi/ จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ และดาวน์โหลดโปรแกรม โดยแพลตฟอร์มที่สนับสนุนคือ J2ME, Windows Mobile, Symbian S60, Blackberry และที่สำคัญคือ iPhone (ผมใช้ Sony Ericsson K550i สามารถใช้งานได้ครับ) และสามารถสร้าง Tag ส่วนตัวบนเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ครับ (แต่ตอนนี้ Error สร้างไม่ได้ไม่รู้ว่าทำไม)

ที่มา: ISartedsomething via TechCrunch, Microsoft Tag



ข้อมูลจาก Blognone

Apple จดสิทธิบัตรซ่อนกล้องอยู่หลังจอภาพ

ใน MacBook และ iMac รุ่นใหม่ๆ นั้นได้ออกแบบให้กล้อง iSight ดูหลบๆ เนียนไปกับสีขอบของจอ ซึ่งก็ดูสวยงามอยู่แล้วเมื่อเทียบกับดีไซน์ของอีกหลายๆยี่ห้อ แต่ดูเหมือนนั่นยังสวยไม่พอสำหรับ Apple สิทธิบัตรล่าสุดของ Apple ที่ได้รับการเปิดเผย เป็นการยื่นจดสิทธิบัตรเทคนิคการนำเอากล้องไปหลบอยู่หลังจอภาพ โดยจะไปอยู่ในตำแหน่งกลางจอ ซึ่งไม่เพียงแต่จะนำไปใช้ได้ใน MacBook , MacBook Pro และ iMac เท่านั้น แม้แต่ iPhone และ iPod touch ก็สามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตรดังกล่าวนี้ได้ ถ้ายังไม่เห็นภาพมาดูภาพกันดีกว่าครับ ดูภาพแล้วจะเห็นภาพแน่นอน เอ๊ะ ยังไง 555


จากภาพ...

จากภาพจะแสดงให้เห็นว่ากล้องนั้นซ่อนอยู่ตรงกลางจอภาพ ข้างขวาจะแสดงให้ภาพตัดขวาง ว่ากล้องเรียงลำดับจากจอภาพอย่างไร สิทธิบัตรนี้ยื่นเมื่อกรกฎาคม 2007 ก่อนหน้านี้ในปี 2004 Apple ได้ยื่นสิทธิบัตรอีกอันเป็นเทคนิคการการจัดวางกล้องไว้ในจอภาพเช่นกัน แต่ในสิทธิบัตรดังกล่าว จะใช้กล้องเล็กๆจำนวนมาก แทรกอยู่ระหว่างจุดการแสดงผลบนจอภาพ ซึ่งดูคร่าวๆแล้วสำหรับต้นทุนการผลิต สิทธิบัตรใหม่ที่ยื่นนี้้น่าจะต่ำและใกล้เคียงความคุ้มทุนที่จะผลิตออกมาเป็น Consumer Product ใช้งานได้มากกว่า




ในรายละเอียดนั้นคงจะต้องมีการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้สะดวก โดยไม่กระทบกับการแสดงผล เพราะดูเหมือนว่ากล้องจะจับภาพได้เมื่อจอแสดงผลอยู่ในสถานะ inactive สำหรับจำนวนกล้องนั้นอาจจะใช้กล้องหลายตัวเข้าร่วมกันเพื่อจับภาพรวมเป็นภาพเดียว


ในสิทธิบัตรดังกล่าวระบุว่าตำแหน่งของกล้องในปัจจุบันนั้น เวลาเราคุย Conference กัน สายตาเราจะไม่ตรงกับเลนส์ของกล้อง ทำให้การพูดคุยกันดูแปลกๆ



ปัจจุบันกล้องของ iPhone , iPod touch นั้นมีอยู่ข้างหลังเครื่องเพียงอย่างเดียว ด้วยการออกแบบดังกล่าวจึงสามารถทำงานได้เพียงแค่เป็นกล้องถ่ายภาพเท่านั้น ไม่ใช่การออกแบบมาสำหรับการทำ VDO Call หากสามารถนำเทคนิคตามสิทธิบัตรดังกล่าวมาใช้งานได้ ย่อมตอบโจทย์ในการทำ VDO Call เป็นอย่างดี



นอกจากสิทธิบัตรดังกล่าวแล้ว ยังมีสิทธิบัตรอีกสี่อย่างที่ได้เผยแพร่ออกมา ได้แก่ สิทธิบัตรในการทำ Housing ของจอภาพเครื่อง Laptop ที่มี Logo Apple อยู่ด้านหลังนั่นแหละครับ , สิทธิบัตร Stiffening plate ทำให้ Laptop น้ำหนักเบาขึ้น , สิทธิบัตร LED-lit display และ สิทธิบัตร Single Chip design สำหรับจอ Touch screen ที่ใช้ตัวชิปเซ็นเซอร์เพียงตัวเดียว จากที่ปัจจุบันใช้มากถึง 3 ตัว



แหล่งข่าว Apple191

อินเทลพูดถึงความเร็วของ USB 3.0

จากงาน CES 2009 อินเทลได้เริ่มพูดถึงสถานะของ SuperSpeed USB หรือ USB 3.0 และพูดถึงความเร็วของมันว่ามันเร็วขนาดไหน

สำหรับตัว SuperSpeed USB นั้นจะมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีกมากถึง 10 เท่าจาก USB 2.0 หากเทียบความเร็วในการย้ายไฟล์หนัง HD ขนาด 25GB จะใช้เวลาเพียงแค่ 70 วินาทีจากปัจจุบันบน USB 2.0 ที่ใช้เวลาประมาณ 14 นาที

ย้ายไฟลหนัง HD ขนาด 25GB:



  • USB 1.0: 9.3 ชั่วโมง


  • USB 2.0: 13.9 นาที


  • USB 3.0: 70 วินาที


ที่มา - Cnet

แหล่งข่าว Blognone


AMD ปล่อยซีพียูใหม่ แต่ยังตามหลัง Core i7 อยู่

AMD ได้ปล่อยซีพียู 45nm Phenom II ออกมาแล้ว แต่หลังจากที่ The Tech Report ได้นำมาทดสอบด้วย Benchmark ต่าง ๆ แล้วพบว่าความสามารถทั้งหลายนั้นใกล้เคียงกับชิปของอินเทลมาก

หากเทียบ 2.8GHz และ 3GHz Phenom II ก็พอจะเทียบกับ Core 2 Quad จากอินเทลรุ่นที่ราคาเท่า ๆ กันได้เลย แต่ทั้งหมดก็ยังตามหลังอินเทล Core i7 อยู่ดี

ที่มา - Slashdot

ข้อมูลจาก Blognone


Palm Pre vs iPhone vs G1

Palm Pre กลายเป็นมือถือที่ถูกจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ และคำถามที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ น่าซื้อไหมเมื่อเทียบกับมือถือในระดับเดียวกันอย่าง iPhone และ T-Mobile G1

Gizmodo มีคำตอบ โดยแยกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้

1) จอสัมผัส

iPhone กับ Palm Pre เท่านั้นที่สนับสนุนมัลติทัช (G1 ไม่มี) ส่วน Palm Pre ได้เปรียบอีกนิดตรงที่มี gesture area สัมผัสได้นอกจอด้วย

2) การทำงานแบบ multitasking

  • iPhone เรียกใช้ได้ครั้งละหนึ่งโปรแกรม

  • Android/G1 เรียกใช้ได้ครั้งละหลายโปรแกรม โดยสลับงานด้วย notifications drawer

  • Palm Pre เรียกใช้ได้ครั้งละหลายโปรแกรม สลับงานด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียกว่า Cards ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับเรื่อง multitasking และเป็นจุดขายโดยเฉพาะ


3) ฮาร์ดแวร์ ...
3) ฮาร์ดแวร์

ทั้ง G1 และ Palm Pre มีคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ซึ่งถ้าวัดกันในแง่ดีไซน์ เลยเป็นข้อจำกัดให้ไม่สามารถออกแบบเครื่องได้สวยเท่า iPhone ได้

4) แพลตฟอร์มการพัฒนา

Palm webOS ใช้ HTML/CSS/JavaScript ซึ่งเริ่มพัฒนาได้ง่าย แต่ก็มีคำถามตามมาว่ามันจะสร้างโปรแกรมที่ทรงพลังได้เท่า iPhone/Android ที่มี SDK เต็มรูปแบบหรือเปล่า? ส่วนถ้าเปรียบเทียบระหว่าง iPhone กับ Android ในตอนนี้ iPhone ก็ได้เปรียบเพราะมีฐานผู้ใช้กว้างกว่า

5) การเชื่อมต่อกับเว็บ

Palm webOS ถูกออกแบบมาโดยอิงกับบริการบนอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นจุดขายหลัก ก็ถือว่าด้านนี้ได้เปรียบกว่าอีก 2 เครื่องที่เหลือ

6) ชุมชนนักพัฒนาและ App Store

Palm ยังไม่ได้เผยรายละเอียดของ App Store มากนัก ประกาศแค่ว่าจะมีกระบวนการตรวจเช็คโปรแกรมที่จะเข้าสู่ App Store เหมือนกับของแอปเปิล แต่ว่าจะเช็คเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและเสถียรภาพเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขหยุมหยิมแบบแอปเปิล ประเภท “แข่งกับ Mail.app” มาให้เสียกำลังใจ ซึ่งตรงนี้ Android ก็เหมือนกับ Palm คือเลี่ยงจุดอ่อนของแอปเปิลเหมือนกัน

แต่ถ้าวัดในเรื่องชุมชนการพัฒนาแล้ว iPhone ยังเป็นผู้นำอยู่

7) แท่นชาร์จไร้สาย

ถึงแม้ว่า Palm จะยังไม่ประกาศราคาของแท่นชาร์จไร้สาย แต่ก็ได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่มีฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว (ผมว่าเดี๋ยวก็มี)

8) คุณภาพของเครือข่าย 3G

โทรศัพท์ทั้ง 3 รุ่นใช้เครือข่ายในสหรัฐคนละยี่ห้อเลย

  • iPhone ใช้ AT&T

  • T-Mobile G1 ก็ตามชื่อ T-Mobile

  • Palm Pre ใช้ Sprint


Gizmodo บอกว่า Sprint ดีสุด อันนี้ผมไม่ได้อยู่ในสหรัฐก็ต้องเชื่อตามนั้น

9) คีย์บอร์ด

Gizmodo ออกตัวว่าเรื่องนี้เป็นความชอบส่วนบุคคล ถึงแม้ว่า Palm Pre และ G1 จะมีคีย์บอร์ดจริง แต่คุณภาพของคีย์บอร์ดก็ยังไม่ดีเท่าไรนัก (เมื่อเทียบกับ BlackBerry Bold ที่ถูกยกให้เป็นเจ้าด้านนี้) และ Palm Pre ก็ยังไม่มีคีย์บอร์ดบนหน้าจอให้อย่างที่ G1 มี

ผู้เขียนข่าวต้นฉบับบอกว่าส่วนตัวแล้วชอบ soft keyboard ของ iPhone ที่สุด

10) กล้องถ่ายภาพ

Palm Pre มีกล้อง 3MP พร้อมแฟลชแบบ LED ชนะเลิศ

11) แบตเตอรี่

iPhone ถอดเปลี่ยนไม่ได้ ส่วนของ G1 กับ Pre นั้นถอดเปลี่ยนได้ ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะมีเหตุผลข้ออ้างมากมายว่าแบตเปลี่ยนไม่ได้นั้นดีอย่างไร แต่แบตเปลี่ยนได้นั้นดีกว่าเสมออยู่แล้ว

ก่อนจะมีสาวกมาถล่ม ขอยกข้อความต้นฉบับมาให้อ่าน เพราะผมไม่ได้ว่าเอง ถ้าโกรธเคืองก็ไปอัดกับ Gizmodo นะครับ
We’ve heard Apple’s reasons for this a million times, we know the drill, but removable batteries will never stop being handy.

12) Copy & Paste

iPhone เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ไม่มีความสามารถนี้

13) เว็บเบราว์เซอร์

ทั้งสามเจ้าใช้ WebKit เหมือนกันหมด แต่ iPhone/Pre ได้เปรียบกว่าตรงสนับสนุนการซูมหน้าจอแบบมัลติทัช

ที่มา - Gizmodo

ไหนๆ มีข่าวเรื่อง Palm Pre แล้ว ผมรวบอีกข่าวจาก PC Magazine มาด้วยเลย เป็นการตอบคำถามคาใจ 15 ข้อเกี่ยวกับ Palm Pre ซึ่งขอคัดมาเฉพาะอันที่เป็นข้อมูลใหม่ดังนี้

  • Palm จะออกมือถือรุ่นอื่นๆ ในตระกูล webOS ที่มีราคาถูกกว่า Pre ตามมาในอนาคตแน่นอน

  • ลูกค้าในประเทศอื่นๆ จะได้ใช้ Pre หลังสหรัฐ 90 วัน-6 เดือน

  • Pre จะไม่มีโปรแกรมฝั่งเดสก์ท็อปมาให้ (เหมือน G1) แต่จะมีวิธีเอาข้อมูลจาก Outlook, Palm Desktop เดิม และ Palm Treo/Centro เข้ามาใน Pre ได้

  • Pre จะไม่สามารถรันโปรแกรมของ Palm OS รุ่นเดิมๆ ได้ แต่ Palm จะเปิดช่องให้บริษัทอื่นสามารถเขียน emulator ขายได้

  • ย้ายเพลง วิดีโอ และรูปภาพลง Pre ผ่าน USB mass storage โดยตรง ไม่ลำบากเหมือน iPhone และสามารถซื้อเพลงจาก Amazon MP3 Store ได้

  • SDK จะเรียกว่า Mojo โดยจะมี API พิเศษของ JavaScript ที่เข้าถึงฟังก์ชันของตัวเครื่องโดยตรงได้ อย่างไรก็ตามจะยังไม่สามารถทำงานบางอย่างได้ใน SDK 1.0 เช่นพวกเขียนข้อมูลลงใน frame buffer เป็นต้น

  • ตัวระบบปฏิบัติการเป็นลินุกซ์ แต่นักพัฒนาทั่วไปจะไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานได้โดยตรง

  • ฟอร์แมตวิดีโอที่สนับสนุนคือ RTSP, H.263, H.264 และทาง PC Mag เชื่อว่า Palm กำลังซุ่มพัฒนา Flash กับ Adobe อยู่

  • ข้อมูลเพิ่มเติมจะประกาศในงาน Mobile World Congress เดือนกุมภาพันธ์ และ CTIA เดือนมีนาคม


ที่มา - PC Magazine

ข้อมูลจาก blognone.com

HTC Touch HD พีดีเอโฟนหน้าจอ 3.8 นิ้ว


ด้วยความที่เป็นเครื่องระดับไฮเอนท์ ที่มาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่อต่างๆที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3G บลูทูธ ไวเลส จีพีเอส วิทยุFM แถมมากับหน้าจอขนาด 3.8 นิ้ว และ ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. จึงคิดได้ว่าน่าจะเป็นพีดีเอโฟนที่ดีที่สุดในขณะนี้ (ความเร็วซีพียูยังอยู่ที่ 528MHz)

อาจจะเป็นข้อจำกัดสำคัญของ วินโดวส์ โมบายล์ ก็ว่าได้ทำให้เครื่องรุ่นนี้ไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ ในเรื่องของมัลติมีเดีย ถ้าใช้งานกับโปรแกรมอย่าง Windows Media Player เพื่อดูภาพยนตร์ความละเอียดสูงๆหน่อย จะกระตุกจนดูไม่ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องลงโปรแกรมเพิ่มเติมในการเรียกประสิทธิภาพของเครื่อง
ทดสอบใช้งาน...

ทดสอบใช้งานลักษณะเดียวกับตัว X1 คือทดลองจากไฟล์ avi ความละเอียด 720 x 480 ผ่านโปรแกรมยอดนิยมอย่าง CorePlayer ต้องทำการปรับตั้งค่าให้ต่ำสุดถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่ถ้าไฟล์ความละเอียดระดับ QVGA หรือ VGA ธรรมดาเล่นได้อย่างสบายๆ ส่วนเรื่องของเสียงต้องปรบมือให้กับโปรแกรม Audio Booster ช่วยทำให้เสียงมีมิติขึ้นได้ แต่ก็อย่าลืมว่าเป็นพีดีเอโฟน คงนำไปเทียบกับโทรศัพท์เสียงดีๆยี่ห้อดังๆคงไม่ได้

เดี๋ยวจะลืมพูดถึงด้านการใช้งานโทรศัพท์ ถ้าตัดเรื่องการใช้นิ้วรูดเพื่อรับสายออก (บางคนอาจจะมองว่าหรูดี แต่การใช้งานจริงด้วยมือข้างเดียวจะลำบาก) คุณภาพของเสียงสนทนาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่เบาเกินไป เรื่องของเวลาในการใช้งานทั่วๆไป โทรศัพท์ เล่นไวไฟ ฟังเพลง แบบหนักๆ ไม่น่าจะเกิน 1 วัน (ไม่หมดระหว่างวันเหมือน Diamond) ถ้าใช้งานทั่วๆไป ไม่เปิด ไวไฟ หรือ บลูทูธทิ้งไว้ อยู่ได้เกือบๆ 2 วัน

สุดท้ายเรื่องของกล้องแม้จะให้มากับความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล แต่ยังไม่มีแฟลช (คงขอกั๊กไว้นิดนึง) คุณภาพที่ได้ถือว่าปกติๆ แต่ยังไม่สามารถสู้กับกล้องคอมแพกต์ได้ การถ่ายวิดีโอทำได้สูงสุดที่ขนาด CIF 30 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น

ราคาเปิดตัววางไว้ที่ 34,999 บาท พร้อมลิขสิทธ์แผนที่จาก GarminXT และ หูฟังบลูทูธ Jabra คำเตือนสำหรับผู้ที่สนใจคือ อย่าลืมเช็ก Dead Pixel ที่หน้าจอกับกล้องให้เรียบร้อยเนื่องจากของที่เข้ามาในรุ่นแรกมีปัญหาดังกล่าวอยู่

ขอชม
- หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 3.8 นิ้ว ทำให้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านเสียง
- ตัวเครื่องใช้วัสดุอย่างดีตามสไตล์ของเอชทีซี

ขอติ
- เครื่องมีขนาดใหญ่ ไม่มีปุ่ม D-Pad ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ด้วยมือข้างเดียว
- กล้อง 5 ล้านพิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส แต่ไม่มีแฟลช
- ไม่มี โปรแกรมสำหรับใช้งานด้านมัลติมีเดีย ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

Company Relater Link :
HTC

ข้อมูลจาก manager.co.th

Swiss Army Knife

ถ้าเอ่ยชื่อ Swiss Army Knife หลายๆ คนจะรู้จักมีดพกพาสารพัดประโยชน์นี้ดี Swiss Army Knife เป็นผลิตภัณฑ์จาก Victorinox ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1884 โดย Karl Elsener ด้วยจุดประสงค์ให้ Swiss Army Knife เป็นเครื่องมือพกพาสารพัดประโยชน์

จนถึงขณะนี้...
จนถึงขณะนี้กิจการ Swiss Army Knife ตกทอดมาถึงรุ่นเหลนที่ชื่อว่า Charles Elsener ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมา 125 ปี ชื่อของ Swiss Army Knife ก็ยังเป็นที่รู้จักกันดีอยู่ ยอดผลิต Swiss Army Knife สูงถึง 13 ล้านชิ้นต่อปี และตอนนี้ Charles Elsener กำลังมองไปข้างหน้า ด้วยการปรับปรุง Swiss Army Knife ให้เป็นอุปกรณ์พกพาสารพัดประโยชน์แห่งยุคสมัย ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์พกพาของโลกยุคปัจจุบันให้กับ Swiss Army Knife

Swiss Army Knife แบบใหม่ล่าสุดจะติดตั้ง USB flashdrive ความจุ 32GB, laser pointer, Bluetooth Remote Control และเพิ่มความปลอดภัยสำหรับการเก็บข้อมูลสำคัญ ด้วยระบบ scan ลายนิ้วมือ

Designer ของ Swiss Army Knife บอกว่าด้วยระบบรักษาความปลอดภัยโดยอาศัยการตรวจลายนิ้วมือ ทำให้ทุกคนสามารถพก Swiss Army Knife ติดตัวได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องกลัวข้อมูลความลับรั่วไหล เพราะลายนิ้วมือของทุกคนบนโลกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีใครมีลายนิ้วมือเหมือนกันแม้แต่คนเดียวในโลก ต่อให้เราทำมันหาย ผู้ที่เก็บได้ก็ไม่สามารถใช้งาน Swiss Army Knife ได้ และเพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของ Swiss Army Knife เอาไว้ ทำให้ Swiss Army Knife แบบล่าสุดยังมีมีดพก กรรไกร และตะไบ อยู่เหมือนกับ Swiss Army Knife รุ่นดั้งเดิม

Swiss Army Knife เป็น Gadget ที่ถูกตั้งราคาไว้ถึง 250 ปอนด์ (13,000 บาท) และจะวางจำหน่ายในปีหน้า

ข้อมูลจาก: dailymail.co.uk

แนะนำโดย Just Blog

Thursday, January 8, 2009

นาฬิกาปลุก ระเบิดเวลา สำหรับคนขี้เซา !!

หลายๆคนชอบปิดนาฬิกาปลุกเวลาที่มันดัง เพื่อจะนอนต่ออีกซักนิด แต่กลับกลายเป็นว่าคุณหลับเพลินจนตื่นสาย ต่อจากนี้ปัญหานั้นของคุณจะหมดไปอย่างถาวร เมื่อคุณใช้ นาฬิกาปลุก ระเบิดเวลา! แหม แค่ชื่อก็ฟังดูน่ากลัวแล้วใช่มั้ย แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น สำหรับเจ้า นาฬิกาปลุกระเบิดเวลานั้นจริงๆแล้วก็คือ นาฬิกาปลุก รูปทรงระเบิดเวลา ที่พอเวลาคุณตั้งปลุกแล้ว เมื่อคุณจะปิดคุณจะต้องมาตัดสายสีต่างๆให้ถูกเหมือนตัดชนวนระเบิดเวลายังไงยังงั้นเลย ถ้าตัดผิดเส้น นาฬิกาก็จะไม่หยุดปลุก ฮา :-) โดยเจ้านาฬิกาปลุกนี้ จะมีสายชนวน 3 เส้น สีแดง, สีเหลือง และ สีน้ำเงิน โดยทุกๆครั้งที่คุณตั้งปลุก ระบบมันจะเปลี่ยนชนวนที่ต้องตัดไปเรื่อยๆทุกครั้ง สำหรับราคาของเจ้านาฬิกาปลุกระเบิดเวลานั้นอยู่ที่ $69 เหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,000 บาท (ราคาแพงใช่เล่น) แต่สำหรับพวกขี้เซาอย่างผมแล้ว มันเป็นอะไรที่สุดยอดอย่างยิ่ง เพราะทุกๆเช้าคุณจะต้องมานั่งตัดชนวนเพื่อให้มันหยุดปลุก ซึ่งมันช่วยให้คุณหายง่วงได้ดีทีเดียว ไม่แน่นะวันนึงคุณอาจจะได้เข้าทำงานหับหน่วยกู้ระเบิดก็เป็นได้ อิอิ

จาก japantrendshop.com
แนะนำโดย thaigadgetnews.com




Wednesday, January 7, 2009

ไฟฉาย แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์

Transformative Robot LED Torch/Nightlight ไฟฉาย LED ที่ไม่เพียงแต่ใช้ส่องให้ความสว่างเท่านั้น แต่มันสามารถแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้สามแบบด้วยกัน นั่นคือ แมงมุม 6 ขา แมงป่อง และฮิวแมนอยด์ จะว่าไป มันก็เหมาะเป็นของขวัญหรือของที่ระลึกดีเหมือนกัน สนนราคาอยู่ที่ 19.98 เหรียญฯ หรือประมาณ 700 บาทครับ

แหล่งข้อมูล: ohgizmo

แนะนำโดย wowgadget.tv




ไร้สายด้วยเทปไบ้บลูทูธ

Bluetooth Cassette Adaptor เป็นอะแดปเตอร์บลูทูธที่ออกแบบให้อยู่ในรูปของเทปคาสเซท ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์สื่อสารอย่างมือถือ หรือเครื่องเล่นเพลงเอ็มพีสาม เพื่อส่งเสียงออกไปยังลำโพงของเครื่องเสียงในรถยนต์ได้ ซึ่งภายในตัวมันมีไมโครโฟนที่สามารถรับเสียงอีกด้วย ทำงานด้วย...ทำงานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมสามารถใช้สนทนาได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง สแตนด์บาย 120 ชั่วโมง ผมว่า มีไว้ใช้สักตัวก็ไม่เลวนะครับ ชุดอุปกรณ์นอกจากจะมีสายเคเบิลยูเอสบี เพื่อใช้เชื่อมต่อไร้สายกับโน้ตบุ๊กได้แล้ว มันยังมีอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟจากแบตเตอรี่ในรถยนต์ให้มาพร้อมกันอีกด้วย สนนราคาชุดละ 39.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 1,300 บาทครับ

แหล่งข้อมูล: crunchgear

แนะนำโดย wowgadget.tv

Sandisk เปิดตัว Ultra Backup USB ตัวใหม่ พร้อมปุ่ม backup ข้อมูล

สำหรับเจ้า Sandisk Ultra Backup นี้เป็น USB Flash Drive ตัวแรกของโลกที่มี Backup ฟังก์ชั่น พร้อมด้วย backup software ติดตั้งในตัว Flash Drive เพียงแค่กดปุ่ม backup เท่านั้น

Sandisk ประกาศว่าเจ้า Sandisk Ultra Backup จะวางตลาดในช่วงเดือน เมษายน 2552 นี้ครับ ใครสนใจก็ต้องอดใจรอนิดนึงครับ

ในปีที่ผ่านมา...
ในปีที่ผ่านมาการแข่งขันของตลาด USB Flash Drives สูงมากๆ ซึ้งกลยุทธ์ในปีที่ผ่านมาของบริษัทต่างๆที่ใช้ ก็คงจะเป็นการแข่งกันเพิ่มขนาดความจุของเจ้า Flash Drive และก็ลดราคาให้ถูกที่สุด เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Flash Drive ความจุ 8 GB ราคาจะอยู่ที่หลักพัน แต่พอมากลาง-ปลายปี ราคาลงเหลือหลักร้อยกลางๆเท่านั้น มาในปีนี้ทาง Sandisk เจ้าพ่อวงการ Flash Drive ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่จากที่ปกติ เน้นเพิ่มความจุของ Flash Drive มาเป็นการใส่เทคโนโลยีใหม่ใน Flash Drive แทน นั่นก็คือ Backup button ครับ สำหรับเจ้า backup button นี้ก็คือปุ่มสำหรับ backup ข้อมูลต่างๆที่อยู่บน USB Flash Drive ตัวใหม่ของ Sandisk ที่ชื่อ Sandisk Ultra Backup โดยเพียงแค่กดปุ่ม backup บน Flash Drive ข้อมูลของคุณก็จะได้รับการปกป้อง(Backup) จากระบบรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น รวมถึง password control และ AES encryption เทคโนโลยี โดยที่ไม่ต้องลอง ซอฟท์แวร์ใดๆเพิ่มเติมเลย ส่วนราคาของเจ้า Sandisk Ultra Backup ก็เริ่มต้นที่ $39.99-199.99 ดอลล่าร์ ( 1,400-7,000 บาท)

ข้อมูลจาก thaigadgetnews.com

AMD ส่ง Neo ชน Atom

CES 2009: เมื่อวานนี้ทาง AMD ได้ประกาศแพลตฟอร์ม Yukon ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็น Athlon Neo โพรเซสเซอร์สำหรับเน็ตบุ๊กเจนเนอเรชั่น 2 ที่มีขนาดหน้าจอ 12-13 นิ้ว โดยทางบริษัทอ้างว่า มันเร็วกว่าโพรเซสเซอร์ Atom ของ Intel ถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว!!!

แม้ AMD จะบอกว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ได้โจมตีตลาดเน็ตบุ๊กในตลาดอย่างเช่น MSI Wind, ASUS eeePCs รวมถึงรุ่นอื่นๆ แต่ทางบริษัทก็เชื่อว่า ผู้บริโภคต้องการเน็ตบุ๊กที่มีขนาดหน้าจอ 12-13 นิ้ว ซึ่งเน็ตบุ๊กในปัจจุบันเล็กเกินไป และไม่สามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทผู้ผลิตได้ ทั้งนี้ทางบริษัทต้องการเติมเต็มความต้องการให้กับผู้บริโภคด้วยเน็ตบุ๊กที่มีขนาดใหญ่กว่าในราคาต่ำกว่า 1,000 เหรียญฯ

ดูเหมือนว่า...
ดูเหมือนว่า Atlon Neo จะออกมาเพื่อชนกับ Atom โพรเซสเซอร์ของอินเทลโดยตรง ส่วนความแตกต่างที่เห็นก็คือ มันมีขนาดใหญ่กว่า และการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า เปรียบเทียบขนาดของโพรเซสเซอร์ Neo จะอยู่ที่ 27 x 27 ม.ม. และมี thermal envelope อยู่ที่ 15 วัตต์ ในขณะที่ Atom ของอินเทลมีขนาดชิปอยู่ที่ 22 x 22 ม.ม. และมี thermal envelope แค่ 2.5 วัตต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เน็ตบุ๊กที่ใช้โพรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้จะได้รับการออกแบบให้บางเบาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยในงาน CES 2009 ผู้เข้าชมงานได้พบกับเน็ตบุ๊ก 12 นิ้ว HP Pavilion DV2 ในราคา 699 เหรียญฯ(ประมาณ 23,000 บาท)

เนื่องจาก Neo มีขนาดตัวถังทีใหญ่กว่า Atom ดังนั้นสมรรถนะการทำงานที่คาดว่าจะได้จากโพรเซสเซอร์ตัวนี้จะเร็วกว่า Atom 1.6GHz และ GMA 950 ถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว แต่ก็จะช้ากว่า Core 2 Duo 1.6GHz ถึง 30% โพรเซสเซอร์ Athlon Neo ซิงเกิลคอร์จะมาพร้อมกับแคช L2 512MB กราฟิก Direct X9 และสนับสนุนหน่วยความจำ DDR2 667MHz งานนี้ก็คงต้องดูกันว่า ลูกค้าในตลาดเน็ตบุ๊กเดิมจะสนใจเน็ตบุ๊กทีใหญ่ขึ้นทั้งขนาดและราคานี้กันหรือเปล่า?

แหล่งข่าว ARiP


Poop – freeze สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง

ถ้าพูดถึงสัตว์เลี้ยงแล้ว แน่นอนว่าความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวคนส่วนใหญ่คือ “ สุนัข ” คะ แต่ถึงจะแสนดีหรือน่ารักมากแค่ไหน เราก็ต้องมีความรู้สึกกระอักกระอวนชวนอ้วกไม่มากก็น้อยละคะเวลาที่ต้องหยิบอุจิของมันขึ้นมาทิ้ง ซึ่งสำหรับคนรักหมาบ้านเราอาจจะไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสไออุ่นจากอุนจิของเจ้าหมาน้อยเท่าไหร่ เพราะถึงจะปล่อยเปะปะให้เรี่ยราดที่นู้นบ้างที่นี้บ้าง คนไทยเราก็ยังพอรับได้ แต่แค่อาจจะสร้างความรำคาญเวลาเราเผลอไปเหยียบบ้างเท่านั้น แต่สำหรับที่เมืองนอกหรือในประเทศที่พัฒนาแล้ว ห้ามคะ! เพราะการกระทำแบบนี้เข้าขั้นผิดกฎหมายเลยทีเดียว

ในเมื่อการ...
ในเมื่อการหยิบขี้หมาไม่ใช้เรื่องน่าสนุกเหมือนกับการนั่งลูบขนนุ่มนิ่มของมัน เพราะฉะนั้นจึงมีการคิดค้น “ Poop – freeze ” ขึ้นมาเพื่อเอาใจคนรักสัตว์ทั้งหลายคะ

อรรถประโยชน์ของเจ้า Poop – freeze นี้ก็คือ การทำให้อุนจิของหมาน้อยแข็งตัว ช่วยสร้างสัมผัสที่ไม่ชวนแหวะมากเกินไปแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของเวลาที่ต้องเก็บขึ้นมาทิ้ง นอกจากนี้ถึงแม้ว่ามันจะมาในรูปของกระป๋องสเปรย์ แต่ Poop – freeze นี้ไม่มีสาร CFC ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชั้นโอโซนของโลกเราเป็นรูโหว่ ดังนั้น Poop – freeze จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแน่นอนคะ



แหล่งที่มา: http://www.treehugger.com/files/2008/05/poop-freeze.php
ข้อมูลจาก blog.fukduk.tv



seagate ต้อนรับต้นปี USB3.0

บริษัท seagate ได้ ปล่อยเทคโนโลยีใหม่ออกมา usb 3.0 เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งของ seagate ที่จะใช้ในการเก็บของข้อมูล HDD

เป็นอีกเทคโนโลยีที่ได้ปล่อยออกมาเพื่อต้อนรับต้นปี 2009 ซึ่งจะทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วมากขึ้น มีการตอบสนองผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ด้วยการส่งข้อมูลแบบ USB 2.0 จะส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 480 Mbit/sec. แต่ USB3.0 นั้นส่งข้อมูลได้มากถึง 5 gbit/sec. ซึ่งมากกว่า usb 2.0 เป็นอย่างมาก จึงทำให้การส่งข้อมูลนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ป้องกันการส่งข้อมูลสูญหายและเกิดการผิดพลาด usb 3.0 ผมว่าน่าจะได้ใช้กันใน ปี 2010 แหละครับ จากกระแสเมืองนอกในตอนนี้

แหล่งข่าว CDOnline24


Thinkpad W700 สามารถเสริมจอด้านข้างได้

ไอเดียสำหรับการมีจอภาพหลายจอเพื่อเพิ่มพื้นที่ทำงานนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับการนำเอาจอภาพอีกจอไปแปะไว้บนโน้ตบุ๊คนั้นยังไม่เคยมีออกมาให้เห็นจริงๆ สักที วันนี้ Thinkpad W700 รุ่นสำหรับช่างภาพ (อ่านข่าวเก่าโดยคุณ lew: ThinkPad W700 โน้ตบุ๊กสำหรับช่างภาพโดยเฉพาะ) จะสามารถสั่งจอภาพข้างๆ ได้แล้วครับ!
ทวน Spec คร่าวๆ ...

ทวน Spec คร่าวๆ (สามารถสั่งพิเศษได้หลายอย่างลองดูได้จากที่มา)

  • Intel Core 2 Duo / Core 2 Extreme / Core 2 Quad

  • จอหลัก 17 นิ้ว ความละเอียด 1920x1200 และมีตัว Calibrate สี

  • จอภาพรองด้านขวา 10.6 นิ้ว ความละเอียด 728x1280

  • Nvidia Quadro Express

  • Ram 4 GB

  • สามารถเลือกเพิ่ม 64GB Solid State Drive หรือ Dual RAID HDD ได้

  • DisplayPort, Dual link DVI

  • น้ำหนัก 10.9 ปอนด์ (ประมาณ 5 กิโลกรัม) เมื่อใส่ HDD ลูกเดียว, มีจอภาพด้านข้าง


ราคารุ่นที่มีจอด้านข้างนั้นไม่ระบุ ต้องสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายเอง

W700 กับจอเสริม

ที่มา: IBM via Gizmodo
ข้อมูลจาก BlogNone


5 ที่สุดของโทรศัพท์มือถือรอบปี (2008)

สวัสดีปีใหม่ 2552 อย่างเป็นทางการครับ . . . สิ่งใดที่ไม่ดีในปีเก่าก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอดีตไป อย่านำมาคิดให้กังวลใจเลยครับ ปีใหม่นี้มาเริ่มต้นทำในสิ่งดีๆกันใหม่ดีกว่า ซึ่งวันนี้ทาง"ผู้จัดการไซเบอร์" ขอหยิบ 5 สิ่งที่สุดของโทรศัพท์มือถือในรอบปี (2008) มาให้ชมกันแบบขำขำรับศักราชใหม่ ว่าแล้วไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง
ฟังก์ชันการใช้งานครบและคุ้มที่สุด


ในกระบวนพีดีเอโฟนระดับหมื่นต้นๆ ...
ในกระบวนพีดีเอโฟนระดับหมื่นต้นๆ ไม่มีรุ่นไหนที่ใช้โปรเซสเซอร์ความเร็ว 400 MHz ยกเว้น "sense 80" ของบริษัท สามารถ โมบาย เซอร์วิสเซส จำกัด ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งรันบน Windows Mobile 6.1 มี GPS พร้อมแผนที่และระบบนำทางด้วยเสียงภาษาไทย การเชื่อมต่อครบครันทั้ง Wi-Fi 802.11 b/g, EDGE, GPRS, Bluetooth มีวิทยุให้ฟัง มีกล้อง 2 ล้านพิกเซลไว้ใช้ถ่ายรูปและวีดีโอ รองรับไฟล์มัลติมีเดียเกือบทุกชนิด มีการ์ด Micro SD 2 GB มาให้ พ่วงด้วยคอนเทนต์ต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่าฟังก์ชันที่ให้มาครบครันในราคาที่สามารถจับต้องได้ไม่ยาก ทีมงานจึงยกให้ "Sense 80" เป็นโทรศัพท์มือถือฟังก์ชันการใช้งานครบและคุ้มที่สุด

กล้องความละเอียดสูงที่สุด

ต่อมาเป็นเรื่องที่ทุกคนใช้พินิจพิจารณารองลงมาเมื่อต้องการเลือกจับจองโทรศัพท์มือถือมาเป็นเจ้าของสักเครื่องหนึ่ง นั่ คือเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ซึงทีมงานยกให้ "Sony Ericsson รุ่น C905" เป็นโทรศัพท์มือถือที่พกความความละเอียดของกล้องติดตัวมามากที่สุด โดยมีความละเอียดที่ระดับ 8.1 ล้านพิกเซล เฉือนคู่แข่งอย่าง "Samsung GT-i8510 InnoV8" (InnoV8) ที่ออกมาก่อนหน้าไม่นานนักอย่างเฉียดฉิว ซึ่งความละเอียดกล้องของ "InnoV8" นั้นอยู่ที่ระดับ 8 ล้านพิกเซล


เสียงดีที่สุด

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าแห่งเสียงเพลงที่ครองใจคนทั่วโลกตั้งแต่เริ่มปรากฏโฉมครั้งแรก จนถึง ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีใครสามารถเกทับหรือล้มเครื่องเล่นเพลงอย่างไอพ็อดลงได้ แต่การนำไอพอดมาย่อใส่ลงใน "iPhone 3G" แม้คุณภาพของเสียงจะลดลง แต่ก็ทำให้โทรศัพท์มือถือตัวนี้ดูเด่นขึ้น โดยเฉพาะด้านมัลติมิเดีย ทีมงานจึงยก "iPhone 3G" ให้เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีเสียงและระบบมัลติมีเดียที่ดีที่สุดในปี 2008


หน้าจอใหญ่ที่สุด


ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่สั่งงานผ่านทางหน้าจอ (Touch Screen) แล้ว สิ่งที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักคงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอ ซึ่งโดยปกติขนาดของหน้าจอจะเริ่มต้นที่ 2.8 นิ้ว 240x320 พิกเซล แบบ QVGA หรือ 480x640 พิกเซล VGA แต่ที่ทางทีมงานจะยกให้เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอที่ใหญ่ที่สุด เห็นจะเป็นโทรศัพท์มือถือระดับไฮ-เอนด์ ของเอชทีซีรุ่น "Touch HD" ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 3.8 นิ้ว 480x800 พิกเซล แบบ WVGA ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ไปโดยปริยาย


แบตฯอึดที่สุด

ขึ้นชื่อว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแบรนด์ฟิลิปส์แล้ว หากพูดถึงเรื่องการใช้งานของแบตเตอรี่ เชื่อว่าผู้ที่เคยลองใช้งานมาต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแบตฯของฟิลิปส์อึดที่สุด ซึ่งรุ่นที่ทางทีมงานยกขึ้นมาเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้เอง คือรุ่น "Xenium 9@9q" โดยข้อมูลของทางฟิลิปส์ได้ให้รายละเอียดไว้ว่า โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่แบบ Li-on 890 mAh การันตีเวลาในการสแตนบายนานสูงสุดถึง 1 เดือน สามารถเล่นเพลงได้นาน 22 ชั่วโมง และสนทนาต่อเนื่องสูงสุด 8 ชั่วโมง

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ 5 ที่สุดของโทรศัพท์มือถือที่ทีมงานได้ยกมาให้ชมกัน ขอย้ำนะครับขอให้อ่านขำขำอย่าซีเรียสครับ ถ้าขำไม่ออกก็ขอให้ยิ้มสู้เข้าไว้ครับ :) สุดท้ายขอเตือนแฟนไซเบอร์ บิซสักนิดว่า ขอให้เที่ยวกันแบบออมแรง เก็บแรงไว้สำหรับการกลับมาเริ่มต้นทำงานหลังปีใหม่ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าทีมงานไม่เตือนนะจะบอกให้

ทีมงาน Cyber Biz

แหล่งข่าว: ผู้จัดการออนไลน์

Tuesday, January 6, 2009

อย่าแหกปาก เมื่ออยู่ในห้องเซิร์ฟเวอร์

วิศวกรของซันได้ทดลอง “แหกปาก” ใส่แรคเก็บดิสก์ ซึ่งกำลังเขียนข้อมูลอย่างต่อเนื่องลงบนดิสก์ด้วย File System แบบ ZFS ผลที่ได้ก็คือเกิด I/O latency ของดิสก์มากขึ้นและมี I/O operation ซึ่งกินเวลามากกว่า 500ms เกิดขึ้นมา และเห็นได้ชัดว่าอัตราการอ่านเขียนข้อมูลก็หยุดไปในช่วงที่มีการ “แหกปาก”

ลองดูวิดีโอกันนะครับ


ที่มา - Brendan Gregg จาก Techmeme

ข้อมูลจาก blognone.com



คำสั่งตั้งเวลาปิดเครื่องอัตโนมัติ

เอาทริปเล็กๆน้อยมาฝากครับ สำหรับวิธีการตั้งเวลาปิดเครื่องคิมพิวเตอร์หรือการ shutdown computer จริงๆแล้วการตั้งเวลาปิดเครื่องจะมีโปรแกรมสำหรับใช้ shutdown ครับ แต่วิธีที่ผมจะพูดถึงจะเป็นการใช้ command ของ dos ในการใช้ shutdown คอมพิวเตอร์ครับ ไม่ต้องลงโปรแกรมให้หนักเครื่อง

คำสั่งที่ใช้ในการตั้งเวลา shutdown เครื่องคอมพิวเตอร์


ให้เราพิมพ์ command ที่โปรแกรม Dos...
ให้เราพิมพ์ command ที่โปรแกรม Dos
วิธีเปิด dos คลิก start-> run พิมพ์ cmd
แล้วพิมพ์คำสั่ง at 22:00 shutdown -s -t 00 อธิบายเล็กน้อย at 22:00 หมายถึง shutdown เครื่องตอน 4 ทุ่ม -s หมายถึงสั่งให้ shutdown ถ้าตรงนี้เป็น -r จะเป็นการสั่ง restart เครื่อง ส่วน -t time หมายถึงเวลา 00 คือ shutdown ทันทีเมื่อถึง 4 ทุ่ม

หรือจะพิมพ์ตรง RUN เลยแบบนี้ก็ได้ครับ


สำหรับ parameter อื่น


No args Display this message (same as -?)
-i Display GUI interface, must be the first option
-l Log off (cannot be used with -m option)
-s Shutdown the computer
-r Shutdown and restart the computer
-a Abort a system shutdown
-m \\computername Remote computer to shutdown/restart/abort
-t xx Set timeout for shutdown to xx seconds
-c “comment” Shutdown comment (maximum of 127 characters)
-f Forces running applications to close without warning
-d [u] [p]:xx:yy The reason code for the shutdown
u is the user code
p is a planned shutdown code
xx is the major reason code (positive integer less than 256)
yy is the minor reason code (positive integer less than 65536)

แนะนำโดย techfz.com


'Connect-A-Desk' แผ่นรองโน้ตบุ๊กเคลื่อนที่


จากความก้าวหน้าของโลกวิทยาการ ทำให้สื่อดิจิตอลทั้งหลายนั้นเข้ามามีบทบาท
สอดแทรกทุกอณูการใช้ไลฟ์สไตล์ จนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 เพิ่มจาก 4 ปัจจัย
ที่สำคัญในการใช้ชีวิตของมนุษย์เราในยุคปัจจุบันนี้

รวมถึงคอมพิวเตอร์ เดสก์ท็อป ตั้งบนโต๊ะทำงาน ส่วนโน้ตบุ๊ก พกพาไปไหนได้ทุกที่
แต่ถ้าจะต้องทำงาน เคลื่อนที่ให้สะดวก ก็มีการคิดค้น ของตกแต่งหรือของเสริม (Accessoire)
ใช้ประโยชน์ได้ เช่น Connect-A-Desk ใช้เป็นโต๊ะพกพา เคลื่อนที่ในการวางโน้ตบุ๊ก

ซึ่งมีตัวล็อคป้องกันเครื่องตกหล่น หน้าตาคล้ายเป็นสายสะพายคล้ายกระเป๋าเป้ หรือสายรัดอุ้มเด็ก
ให้ความมั่นคงในการใช้ดีนัก ยิ่งสังคมไฮ-ไฟว์ ไฮสปีด และ 3G กำลังมาแรงแบบนี้
อยู่ที่ไหนก็ทำงาน ทำเงิน ไม่เสียเวลาเป็นเงินเป็นทองอีกไง

แหล่งที่มา: connect-a-desk.com

แนะนำโดย blog.fukduk.tv



หุ่นยนต์เล็กสุดในโลกรับรางวัล"หุ่นยนต์แห่งปี"

หุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ขนาดเล็กที่สุดในโลกนาม i-Sobot (ไอโซบ็อท) จากโทมี (Tomy) ผู้ผลิตของเล่นสัญชาติญี่ปุ่น ถูกนำมาแสดงความสามารถในการเต้นรำอีกครั้งที่โตเกียวหลังจากรับรางวัล"หุ่นยนต์แห่งปี"จากรัฐบาลญี่ปุ่น คว้ารางวัลหุ่นยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไปครอง
ไอโซบ็อทนั้นมี...

ไอโซบ็อทนั้นมีส่วนสูง 165 มม. น้ำหนัก 350 กรัม เป็นหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ขนาดเล็กที่สุดในโลกแต่สามารถฝังเซ็นเซอร์และเครื่องยนต์ขนาดจิ๋วไว้ถึง 17 จุด ความสามารถในการออกแบบโดยใช้เนื้อที่สุดประหยัดนี้ทำให้ไอโซบ็อทได้รับรางวัลหุ่นยนต์แห่งปีหรือ Robot of the Year ในกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (เพราะไอโซบ็อทเปิดสายการผลิตอย่างจริงจังเพื่อจำหน่ายแล้ว) สาขาการออกแบบยอดเยี่ยมประจำปี 2008 ไปครอง

รางวัลหุ่นยนต์แห่งปีของญี่ปุ่นนี้มอบโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry) หรือ METI ของญี่ปุ่น โดย METI เริ่มก่อตั้งรางวัลนี้ในปี 2006 เพื่อประชาสัมพันธ์พัฒนาการแอปพลิเคชันหุ่นยนต์เหนือชั้นให้ชาวโลกรับรู้ โดยปีนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาหุ่นยนต์ทั้งในสายก่อสร้าง สายอุตสาหกรรม สายบริการ และสายการศึกษากว่า 65 ตัว

ไอโซบ็อท นั้นได้รับการบันทึกโดยกินเนสบุ้กเวิร์ลเรคคอร์ดแล้วว่าเป็นหุ่นยนต์ที่เปิดสายการผลิตเต็มตัวที่มีขนาดเล็กที่สุด ใช้พลังงานแบตเตอรี่ AA จำนวน 4 ก้อนต่อการทำงานหนึ่ง 1 ชั่วโมง กลไกภายใน 17 จุดทำให้ไอโซบ็อทเคลื่อนไหวได้ราว 200 ท่า สามารถเดิน เต้นรำ ร้องเพลง พูดคุยได้ 180 ภาษา มีเสียงพิเศษอยู่ในตัว 90 เสียง ควบคุมการทำงานด้วยรีโมท สามารถจำแนกเสียงเพื่อโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ระดับหนึ่ง สนนราคา 29,800 เยนหรือประมาณ 8,900 บาท

ในส่วนรางวัลหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดเล็กยอดเยี่ยม หุ่นยนต์ "book time" ผลงานพัฒนาของบริษัท Nishizawa Electric ได้รับไป เป็นหุ่นยนต์เปลี่ยนหน้าหนังสือสำหรับช่วยเหลือผู้พิการ หุ่นยนต์จะมีปุ่มใหญ่สำหรับให้ผู้ใช้เหยียบเพื่อเปิดหน้าหนังสือด้วยตัวเอง เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการลดงานของผู้ช่วยผู้พิการ

รางวัลที่น่าสนใจอื่นๆคือรางวัลพิเศษขวัญใจคณะกรรมการ เป็นของหุ่นยนต์ปลูกข้าวซึ่งพัฒนาโดยศูนย์วิจัยการเกษตรแห่งชาติญี่ปุ่น ในเครือสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเพื่อสำนักงานอาหารและการเกษตร มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี GPS ในการกำหนดตำแหน่งเพาะปลูกอย่างชาญฉลาด มีการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดลำต้นข้าว โดยหุ่นยนต์นี้สามารถปลูกข้าวได้ 3,000 ตารางเมตรในเวลาเพียง 50 นาที

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลหุ่นยนต์ยอดเยี่ยมในสาขาต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ยอดเยี่ยมสาขาบริการ หุ่นยนต์ยอดเยี่ยมสาขาอุตสาหกรรม หุ่นยนต์ยอดเยี่ยมสาขาชุมชน และหุ่นยนต์ยอดเยี่ยมด้านชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์ ซึ่งยังอยู่ในโครงการต้นแบบและต้องพัฒนาต่อเนื่องในอนาคต

Company Related Links :
METI

แหล่งข่าว ผู้จัดการออนไลน์

CES : ซัมซุงโชว์แอลซีดียักษ์บางที่สุดในโลก

เมื่อสองปีก่อน การพูดถึงความบางของหน้าจอแอลซีดีในหน่วยเซนติเมตรก็เป็นเรื่องตื่นเต้นมากแล้ว แต่ล่าสุด ผู้ผลิตแดนกิมจิและปลาดิบโชว์แอลซีดีความบางไม่ถึง 1 เซนติเมตร บุกมหกรรมแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคหรือ Consumer Electronics Show (CES) งานนี้ซัมซุงคว้าแชมป์ผู้ผลิตแอลซีดีบางที่สุดสำเร็จด้วยสถิติ 6.5 มม. เฉือนเจวีซีซึ่งผลิตได้ 7 มม.


เจวีซีหรือ Victor Company of Japan นั้น...
เจวีซีหรือ Victor Company of Japan นั้นเปิดตัวหน้าจอแอลซีดีบางพิเศษขนาด 32 นิ้วในงาน CES โดยรุ่นต้นแบบเป็นหน้าจอแอลซีดีคุณภาพความละเอียดสูงเต็มขั้นหรือ full high-definition ความหนา 7 มม.น้ำหนักเพียง 5 กิโลกรัม กำหนดการวางจำหน่ายภายในปีนี้

ความหนา 7 มม.นั้นหนากว่าผลงานของซัมซุง (Samsung Electronics) ซึ่งเป็นเจ้าของตำแหน่งผู้ผลิตจอแอลซีดีบางที่สุดในโลกในขณะนี้ สถิติความบางคือ 6.5 มม.หรือ 0.26 นิ้ว เป็นความบางที่เหนือกว่าโทรศัพท์มือถือบางที่สุดในโลก

งาน 2009 International CES นั้นมีกำหนดจัดที่ลาสเวกัสในวันที่ 8-11 มกราคม ท่ามกลางผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ชิป และอื่นๆกว่า 2,700 บริษัทที่จะร่วมแสดงเทคโนโลยีใหม่ของค่าย

นอกจากความบาง ผู้ผลิตแอลซีดียังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีภาพสามมิติซึ่งเชื่อว่าจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยรายงานระบุว่ายักษ์ใหญ่แดนปลาดิบอย่างโซนี่จะสาธิตเทคโนโลยีกระจายสัญญาณภาพการแข่งขันกีฬาฟุตบอลแบบสามมิติครั้งแรกในงานนี้ด้วย คาดว่าจะเรียกเสียงฮือฮาจากผู้เข้าชมอย่างมาก

Company Related Links :
Samsung
JVC
CES

แหล่งข่าว ผู้จดการออนไลน์


Monday, January 5, 2009

WD คว้ารางวัลจากการจัดอันดับ 10 อันดับ HDD ที่น่าจับตามองในปี 2008

คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนลปลื้มกับความสำเร็จของ WD VelociRaptor ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งในการเฟ้นหา 10 อันดับ HDD ที่น่าจับตามองในปี 2008 จากเว็บไซต์ i3

โดยทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ i3 ได้ให้ความเห็นว่า “WD VelociRaptor - เป็นฮาร์ดไดรฟ์รุ่นล่าสุดจาก WD ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้ใช้เครื่องพีซีที่เน้นเรื่องความเร็วสูงๆ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงาน และความน่าเชื่อถือ มีความจุเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าถึง 300 GB จากรุ่นเดิม ติดตั้งอยู่ในฟอร์มแฟคเตอร์สำหรับองค์กรขนาด 2.5 นิ้ว ผนึกอยู่ภายในกล่อง IcePack ขนาด 3.5 นิ้ว สามารถปรับใช้กับช่องติดตั้งฮาร์ดไดรฟ์มาตรฐานขนาด 3.5 นิ้วได้ พร้อมฮีตซิงค์ระบายความร้อนแบบเบ็ดเสร็จภายในตัว เหนือกว่าฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไปด้วยความเร็วของจานดิสก์ที่สูงถึง 10,000 รอบต่อนาที (RPM) ที่สุดของประสิทธิภาพที่มาในขนาด 2.5 นิ้ว นี่แหละจิ๋วแต่แจ๋วของจริง” พบกับฮาร์ดไดร์ฟคุณภาพจาก WD Smile by comseven ได้จากร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

แหล่งข่าว arip.co.th



Portable shower ถังอาบน้ำอุ่นแบบพกพา

Portable shower ถังอาบน้ำอุ่นแบบพกพา อาจมีบางเวลาที่คนเราต้องการความสดชื่นแบบปัจจุบันทันด่วนแต่ไม่สามารถ หาสถานที่ชำระล้างร่างกายได้ เช่น หลังออกกำลังกายหรือบางวันที่อากาศร้อนอบอ้าวจนตัวเหนียวเหนอะหนะ ถังอาบน้ำอุ่นแบบพกพาที่สามารถบรรจุน้ำได้ 9 ลิตร และสามารถเก็บความร้อนได้ในระยะเวลา 7 ชั่วโมงโดยไม่ต้องพึ่งพาแบตเตอรี่จะทำให้คุณหาที่หลบมุมชำระล้างร่างกายได้ อย่างสะดวกสบายด้วยฝัก บัวยาว 6 ฟุต
อยากอาบน้ำนอกสถานที่แบบประหยัด 3,500 บาท

ที่มา : http://www.hotjugz.com/

แนะนำโดย เก๋ไก๋ไฮเทค



Labyrinth Aquarium - ตู้ปลาเขาวงกต

ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นปลาทองที่ถูกเลี้ยงไว้ในตู้ดูสิ มันจะน่าเบื่อแค่ไหนที่เราต้องว่ายวนไปวนมาอยู่ในตู้ที่คับแคบ มีวิวทิวทัศน์เดิมๆ กับเพื่อนๆ ปลาด้วยกันเพียงไม่กี่ตัว เอาใจปลาของคุณด้วยตู้ปลาเขาวงกตตู้นี้เถอะ มันจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการใช้ชีวิตของปลาในตู้ให้กว้างขวางและหลากหลายมาก ยิ่งขึ้น มาพร้อมกับการตกแต่งสวยงามด้วยต้นไม้พลาสติกและไฟสวยงาม มีเครื่องทำอ็อกซิเจนและคุณสมบัติทำความสะอาดตัวเองพร้อม
สนใจเอาใจคุณไปใส่ใจปลา ด้วยราคา 5,500$ หรือ 175,800 บาทอ่ะจ๊าก.....
ที่มา : www.coolhunting.com

แนะนำโดย เก๋ไก๋ไฮเทค



GeForce GTX 285 เปิดตัวที่ฮ่องกง

การ์ดจอหรือว่าการแสดงผลที่เราเรียกกันนะครับ GeForce GTX 295 ประมวลผลด้วย dual - GPU กำลังจะเตรียมเปิดตัว ไตรมาสแรกที่ ฮ่องกง สเปคของการ์ดจอตัวนี้นะครับ GeForce FTX 295 หน่วยความจำในการประมวลผลด้วย หน่วยความจำ 512 MB ครับ มี dual- DVI หรือว่าพอร์ต DVI 2 พอร์ตนั่นเอง เชื่อมต่อด้วย PCI X-press และ CUDA ราคาขายจะอยุ่ที่ $412.8 หรือประมาณ 296.3 Euro.

แหล่งข่าว cdonline24.com

SKIGYM เครื่องเล่นสกี เสมือนจริง

ใครที่เคยใช้เครื่อง Wii Balance Board ของเครื่องเล่นเกมส์ นินเทนโด วี คงรู้ว่ามันสนุกเร้าใจแค่ไหน แต่สำหรับใครที่อยากจะเพิ่มระดับความมันต้องชอบเจ้าเครื่องเล่นสกีจำลองรุ่น SKIGYM แน่นอน เพราะนอกจากจะมีความสามารถช่วยเพิ่มทักษะการเล่นสกีได้อย่างสมจริง ยังสามารถใช้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพได้ดีอีกด้วย

ข่าวที่ได้ยินมาคือ เจ้าเครื่องเล่นสกีจำลองนี้ สามารถใช้เล่นได้กับเกมส์ดังๆอย่างเช่น Alpine Ski Racing ด้วยเช่นกัน

ใครที่สนใจก็เก็บตังรอได้เลย ราคาก็ประมาณ แปดหมื่นบาท ซึ่งก็ถือว่าแพงใช้ได้เลย แปดหมื่นนี้ ซื้อทัวร์ไปเล่นสกี ที่ยุโรปดีกว่ามั้ยเนี่ย

ข้อมูลจาก thaigadgetnews.com




iPrint Photo

iPrint Photo เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของ HP ที่ส่งออกมาร่วมแจมตลาด Apple โดยเป็น Applications สำหรับ iPhone ให้คุณสามารถที่จะส่งภาพถ่ายจาก iPhone ของคุณออกมาทาง Wifi เพื่อสั่งพิมพ์ในเครื่องพิมพ์โดยไม่ต้องต่อสายอะไรให้ยุ่งยาก... แน่นอน ว่าต้องเป็นเครื่องพิมพ์ของ HP นั่นเอง โปรแกรมดังกล่าวสามารถโหลดมาใช้งานกันได้ฟรีๆ แต่อย่างว่าถ้าคุณไม่มีเครื่องพิมพ์ของ HP ต่อให้ฟรีโหลดมาก็ไม่เกิดประโยชน์

ตัวโปรแกรมจะค้นหาเครื่องพิมพ์ของ HP และให้คุณเลือกสั่งพิมพ์ออกมาได้โดยตรงจาก iPhone ดูแล้วน่าจะใช้งานได้ง่ายมากเลยทีเดียว

ดูเหมือนว่า HP จะกลับมาสนใจในตลาด Apple เพิ่มมากขึ้นอีกครั้งแล้ว จากสองผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเพื่อให้ชาว Apple ได้ใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของ HP ดังกล่าว

แหล่งข่าว apple191.com






MediaSmart

MediaSmart ของ HP เป็นอุปกรณ์ที่เรียกที่ทำงานเป็น Home Server สำหรับใช้เป็น Server ขนาดเล็กใช้งานภายในบ้าน ตัวเครื่องใช้ระบบ Windows Home Server ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ Mac ได้ ไม่ว่าจะใช้เป็นอุปกรณ์ Back up สำหรับใช้กับ Time Machine และเป็น iTunes Server ราคาขายเมืองนอกอยู่ที่ 599 เหรียญสหรัฐ สำหรับพื้นที่ 750GB และ 749 เหรียญสหรัฐ สำหรับรุ่นที่มีพื้นที่ 1.5TB ประมาณเป็นเงินบาทก็จะอยู่ประมาณ 21,000 และ 26,000 บาทตามลำดับ ส่วนราคาขายในบ้านเราจะอยู่ที่เท่าไหร่ต้องหาข้อมูลกันดูอีกที เพราะสินค้ายังไม่ออกขาย แต่จะเปิดให้สั่งจองได้ก่อนในเดือนมกราคม และส่งสินค้าในตอนเดือนกุมภาพันธ์ 2009

Spec เครื่องใช้ CPU Celeron 2GHz , แรม DDR2 2G , Gigabit Ethernet , Port USB 2.0 จำนวน 4 Port , หัวต่อ eSATA ภายนอก และช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ภายในอีก 4 ช่อง ซึ่งจะทำให้สามารถใส่ฮาร์ดดิสก์รวมสูงสุดได้ถึง 9TB ใหญ่ยักษ์เลยทีเดียว (กระนั้นก็คงยังไม่พอสำหรับพวกนักสะสม 555)

ชาว Mac หลายๆคนอาจจะใช้เครื่องรุ่นเก่าๆอย่าง G4 หรือเครื่องรุ่นเล็กๆอย่าง Mac mini ต่อ Harddisk Firewire แล้วใช้งานเป็น Server ภายในบ้านกันอยู่ เจ้า MediaSmart ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีอีกตัว หากกำลังคิดจะเปลี่ยนเครื่องเดิม หรือจะซื้อเครื่องใหม่


แหล่งข่าว apple191.com